๑
มีบ้างบางเรื่องที่อยากเล่า
ด้วยสำนึกวัยเยาว์สดใส
เรื่องราวทรงจำยังฝังใจ
แจ่มชัดอยู่คล้ายไม่เก่าเลย
ท้องฟ้ายามเย็นก่อนย่ำค่ำ
สายแดดสาดลำผ่าเผย
ทาบทางแห่งทุ่งที่คุ้นเคย
เหมือนจะเอ่ยทักทายอยู่ริมทาง
เมฆสีขาวดั่งปุยนุ่น
กับกลิ่นแดดกรุ่นสรรค์สร้าง
พร้อมลมบนที่แผ่วบาง
วาดนิทานอยู่กลางระหว่างฟ้าดิน
๒
เจ้าหญิงเจ้าชายในเมฆขาว
เคียงข้างย่างก้าวไปทั่วถิ่น
เอ่ยคำแห่งรักพอได้ยิน
เคียงข้างคล้ายธรนินกับนภา
ทั้งสองพระองค์ผู้ทรงศักดิ์
แย้มยิ้มประจักษ์ปรารถนา
มองมายังหมู่มนุษย์ด้วยเมตตา
โปรยหว่านกรุณาและหวังดี
ขึ้นทรงม้าเมฆทะยานทุ่ง
แวะทักสายรุ้งทั้งเจ็ดสี
ว่านี่แน่ะท่าน ณ ปฐพี
คนยากมากมีช่วยแบ่งปัน
คายแก้วแหวนเงินทอง
ขย้อนจากท้องออกจัดสรร
แจกจ่ายให้ทั่วโดยพลัน
ต่อเติมความฝันมหาชน
แล้วเจ้าหญิงเจ้าชายในเมฆขาว
ทะยานเหิรสู่หาวลับเลยพ้น
เมฆขาวก้อนนั้นในบัดดล
กลายร่างเป็นกลุ่มคนสวดสาธุการ
แยกย้ายละลายกลุ่มกระจัดกระจาย
คล้ายหิ้วสมบัติกลับบ้าน
สายรุ้งสนธยามาให้ทาน
ต่างก็เบิกบานและรื่นรมย์
๓
ลมพัดเมฆขาวหายไปแล้ว
แสงสุดท้ายวับแววมาคลี่ห่ม
กระนั้นจดจำทั้งชื่นชม
หอบดอาความสุขสม – จิตนาการ
อำลาขอบฟ้ายามย่ำค่ำ
อยากเอ่ยสักถ้อยคำแสนหวาน
วันคืนผ่านไปเนิ่นนาน
ฟังเรื่องราวเบิกบานจากขอบฟ้า
๔
ครั้งนั้นแห่งวัยเยาว์
เมฆขาว เรื่องเล่ายังคงค่า
เป็นอยู่อย่างไรในกาลเวลา
ล้วนสำนึกปรารถนาในวัยเยาว์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น